การเลือกประเภทและการใช้เช่ารถบรรทุกติดเครน

รถบรรทุกประเภทต่างๆที่เราเห็นกันอยู่ตามท้องถนนมีหลายประเภท ต่างกันที่ลักษณะการใช้งานควรใช้ให้เหมาะสมกับประเภทของงาน ก่อนอื่นมาดูว่ารถประเภทไหนคืออะไรและเหมาะกับการใช้งานในด้านไหน
– รถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ จะแตกต่างจาก เช่ารถบรรทุกติดเครน ตรงที่โดยส่วนมากแล้วรถประเภทนี้จะใช้ในงานส่งของตามขนาดหรือปริมาณของสินค้า เช่น อิฐ หิน ปูน ทราย หรือในบางผู้ให้บริการอาจรวมถึงรับจ้างขนย้ายสินค้าตามบ้านด้วย
– รถกึ่งพ่วง (semi trailer) หรือรถเทรลเลอร์ คือรถที่ต้องใช้หัวลากคือส่วนหัวแบกรับน้ำหนักในการลากทั้งหมด โดยส่วนมาก เช่ารถบรรทุกติดเครน
– รถพ่วง (full ttailer) มักจะใช้กับงานส่งของที่มีขนาดงานใหญ่มากๆ หรือมีจำนวนมากๆเช่นขน อิฐ หิน ปูน ทรายสำหรับก่อสร้างสะพานหรือรถไฟฟ้า หัวลากของรถพ่วงสามรถแยกออกจากหางพ่วงและใช้เป็นรถบรรทุกขนสินค้าแทนได้

สิ่งที่ควรปฎิบัติก่อนเช่ารถบรรทุกติดเครน
– ตรวจความดันยาง ในระดับความดันให้อยู่ในระดับที่ 120ปอนด์/นิ้ว
– ถ่ายน้ำมันออกจากถังลม เพื่อป้องกันการเสียหายที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์เบรก
– ตรวจเช็คความดันลม ไม่ให้ต่ำกว่า 4kg/cm เนื่องจากระบบเบรกจะห้ามล้ออัตโนมัติ และไม่ให้เกิน 10kg/cm จะทำให้เบรกเสียหายได้
– เช็คการอัดลมเข้าถังลม ให้อยู่ในระดับมาตรฐานที่ 9kg/cm ทดสอบเหยียบเบรกติดต่อกัน 7 ครั้ง ตรวจประสิทธิภาพของปั๊มลมหรือการรั่วตามท่อลม

พิกัดขนาดและน้ำหนักที่บรรทุกได้ตามกฎหมาย
ก่อนที่จะบรรทุกสินค้าใดๆในกรณีที่เป็นผู้บริการสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอีกเรื่องคือน้ำหนักของสิ่งที่เราบรรทุกตัวอย่างเช่นของที่มีน้ำหนักปริมาณมากๆเป็นตันตัน ต้องใช้รถพ่วงหรือรถบรรทุกกี่ล้อ กี่เพลา เพื่อไม่ให้ผิดกฏหมายและโดนเซ็นใบสั่ง

สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะขับรถใหญ่ได้ต้องมี ใบอนุญาตขับขี้ประเภทที่ 3ใช้สำหรับ รถพ่วงหรือรถเทรลเลอร์ และใบอนุญาตประเภทที่ 4 สำหรับขับรถบรรทุกสารเคมีและวัตถุที่มีอันตราย อย่างไรก็ตามผู้ขับขี่รถพ่วงหรือรถบรรทุกเป็นความสามารถเฉพาะทางที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการขับขี่ และนอกจากนั้นยังต้องอาศัยความอดทนอีกด้วย

มีบริษัทที่รับบริการให้บริการในการจัดส่งสินค้ามากมายแต่ที่สำคัญคือควรดูในเรื่องของมาตรฐานการขนส่งในกรณีที่สินค้าของเราต้องการความปลอดภัยหรือการดูแลในระดับสูงอย่างเช่นสินค้าพวกสารเคมีหรือวัตถุที่เป็นอันตรายต่างๆ หากเราใช้รถบรรทุกที่ไม่มีมาตราฐานแล้วในขณะที่ขนส่งเกิดการรั่วไหลของสารเคมีส่งผลกระทบต่อผู้อื่น อาจทำให้เราต้องรับผิดชอบในผลที่เกิดขึ้นตามมาด้วย