1. เลือกประเภทความคุ้มครอง เราควรศึกษาก่อนซื้อว่าความคุ้มครองแบบไหนที่คุณต้องการ ซึ่งมีทั้งแบบภาคบังคับและภาคสมัครใจ เช่น คุ้มครองทรัพย์สินของบุคคลอื่น คุ้มครองการซ่อมรถคันที่เอาประกันภัยของคู่กรณี หรือคุ้มครองทั้งสองฝ่าย คุ้มครองรถหาย-ไฟไหม้ เป็นต้น จากนั้นดูสภาพแวดล้อมของคุณเอง ทั้งอายุของรถ ลักษณะนิสัยการขับขี่ รวมถึงระยะทางการใช้งาน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่า ควรจะซื้อประกันภัยรถยนต์ประเภทไหนดี? ซึ่งความคุ้มครองภาคสมัครใจที่มากกว่าภาคบังคับก็จะเสียค่าเบี้ยประกันที่สูงกว่า
2. อยากได้ราคาเบี้ยประกันรถยนต์ที่ไหนดีที่ถูกลง ต้องเปรียบเทียบก่อนซื้อ ค่าประกันภัยรถยนต์ของแต่ละบริษัทมักมีราคาต่างกัน ก่อนซื้อควรเปรียบเทียบอย่างน้อย 3 บริษัท เริ่มจากความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ให้บริการ ความสะดวกรวดเร็วในการติดต่อและประสานงาน การให้คำปรึกษาและแก้ปัญหา รวมถึงอัตราค่าเช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ต้องเป็นธรรม
3. ขอส่วนลดจากตัวแทนประกัน
- ส่วนลดแรกเข้า โดยปกติรถยนต์ที่เคยทำประกันกับบริษัทประกันภัยอื่นมาแล้ว เมื่อเปลี่ยนบริษัทประกันภัยมักจะได้รับส่วนลดจากบริษัทประกันใหม่ แม้รถจะเคยผ่านการเคลมประกันมาแล้ว
- ส่วนลดจากคอมมิชชั่น เมื่อตัวแทนประกันหรือโบรกเกอร์ต้องการทำยอด บางครั้งก็ให้ส่วนลด มากถึง 30-40% ซึ่งถ้าผู้เอาประกันภัยได้ส่วนลดนี้ ก็จะเป็นเบี้ยประกันภัยที่ถูกที่สุด
4. ประกันกลุ่มถูกกว่า หากคุณมีรถยนต์มากกว่า 1 คันที่จดทะเบียนชื่อเดียวกัน การซื้อประกันภัยแบบกลุ่มจะได้รับส่วนลดจากจำนวนรถ นอกจากนี้ บางบริษัทหรือองค์กรขนาดใหญ่จะมีนโยบายทำประกันอยู่แล้ว หากซื้อประกันผ่านบริษัทนายจ้างก็จะได้ส่วนลดที่ดีจากบริษัทประกันภัย
5. ซ่อมอู่หรือซ่อมศูนย์ ผู้ขับขี่รถยนต์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่ไหนดีในกรณีนำรถไปซ่อมที่ศูนย์รถจะแพงกว่าซ่อมรถที่อู่ หากซ่อมอู่อาจมีเบี้ยประกันที่ต่างกันถึง 10-30% โดยอาจดูจากลักษณะการใช้รถของคุณว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องซ่อมศูนย์ เพราะปัจจุบันอู่ซ่อมหลายแห่งมีมาตรฐานค่อนข้างสูงเพื่อให้ทัดเทียมกับศูนย์ จึงช่วยประหยัดในส่วนของขั้นตอนเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ที่ไหนดีแต่ยังได้การบริการทีมีมาตรฐานที่ดีไม่ต่างกัน
6. รักษาประวัติดีมีส่วนลด ในแต่ละปีที่ทำประกันรถยนต์ไว้ ถ้าไม่มีการเคลมเลยในปีที่ผ่านมา หรือมีเคลมแต่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ก็จะได้รับส่วนลดประวัติดีตามลำดับขั้นของเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในปีที่ต่ออายุ แต่หากคุณเป็นฝ่ายผิด ส่วนลดประวัติดีก็จะลดลง เช่น หากคุณมีประวัติดี ไม่เคยเฉี่ยวชนเลย อาจได้ส่วนลดอยู่ที่ 40% แต่หากเป็นฝ่ายผิด 1 ครั้ง ส่วนลดก็จะลดลงเหลือ 30% ในทางกลับกัน หากมีประวัติไม่ดีเกี่ยวกับการขับขี่ ค่าประกันภัยก็จะเพิ่มสูงขึ้นจากปกติได้เช่นกัน